กรีนรีด (Green Read)กระดาษถนอมสายตา
เป็นกระดาษสีเหลืองอ่อน นวลตา ผิวของกระดาษที่ไม่เรียบ, ความสว่างของสีมีปริมาณน้อย, ดูดกลืนแสงในช่วงแสงสีน้ำเงินได้ดี, ทำให้ลดการสะท้อนแสงเข้าตาประมาณ15 % ซึ่งช่วยทำให้ถนอมสายตา อ่านหนังสือได้นาน ..และยิ่งความหนาแน่นเสมือน ของกระดาษที่ต่ำ ก็ยิ่งทำให้แสงถูกดูดกลืนได้มากขึ้นด้วย
ช่วงนี้ผมค่อนข้างยุ่งบ้าง เพราะเตรียมสะสางงานที่ค้างเพื่อเตรียมตัวรับงานชิ้นใหม่ พร้อมกับงดรับงานนอกที่เข้ามาบ้างในระยะนี้ มีเวลาใน Gotoknow น้อยลง เข้ามาอ่านบันทึกที่เก็บไว้ในแพลนเน็ตบ้าง เห็นบันทึกที่น่าสนใจแต่ไม่ได้อ่านแบบเจาะลึกเท่าไหร่
ในการสะสางงานส่วนหนึ่งผมต้องทำรูปเล่มงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ส่งให้แหล่งทุนเพื่อปิดโครงการด้วย รูปเล่มสมบูรณ์ต้องอาศัยการจัดหน้าเอกสาร การจัดฟอนท์ที่พอเหมาะ รวมถึงกฏเกณฑ์บางอย่างตามเจ้าของทุนแจ้งมา ผมค่อนข้างให้ความสำคัญในการทำงานด้านเอกสารเพราะว่า เอกสารเหล่านี้จะออกไปเผยแพร่สู่สายตาคนนอก รวมถึงการนำไปใช้ประโยชน์หลังจากเสร็จสิ้นงานวิจัยต่อไป เรียกได้ว่าให้รายละเอียดถึงตัวฟอนท์ การตกแต่งข้างใน การใช้รูปภาพ และการทำรูปเล่มที่สวยงาม น่าจับต้อง ซึ่งปกติงานวิชาการ หากไม่ใช่เเวดวงคนทำงานด้านนี้แล้วก็ยากที่จะหยิบขึ้นมาอ่าน
ผมได้ใช้บริการร้านทำรูปเล่มแห่งหนึ่งหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ทางร้านเสนอทางเลือกในการใช้กระดาษว่า มีกระดาษกรีนรีดที่ถนอมสายตา เนื้อกระดาษออกสีเหลืองนวลและกระดาษดับเบิ้ลเอ ๘๐ แกรม ให้เลือก สอบถามผมว่าต้องการแบบไหน?
ผมพิจารณางานที่เขาให้มาดูเป็นตัวอย่าง เอกสารที่ทำด้วยกระดาษถนอมสายตานั้น ดูสวยและอ่านง่าย ไม่สะท้อนตาจริงๆด้วยครับ เลยสนใจ
ทางร้านบอกต่อว่า ราคาต่างกันกับกระดาษธรรมดา คือ "แพงกว่า" ที่ว่าแพงกว่านั้นคือ คิดในราคา ๖๐ สตางค์ จากกระดาษปกติประมาณ ๔๕ - ๕๐ สตางค์
ผมจึงตัดสินใจเลือกแบบกระดาษถนอมสายตาครับ เพราะแพงกว่าไม่เท่าไหร่ และที่สำคัญชิ้นงานออกมาดูดี สวยงาม ผลงานที่ออกมาหลังจากเข้าเล่มทั้งหมด น่าภาคภูมิใจมาก เพราะสวยถูกใจผมกระดาษถนอมสายตา หรือ Green read จึงเป็นทางเลือกของการทำเอกสารในตอนนี้ ลองใช้บริการดูบ้างนะครับ
วันนี้ผมถือโอกาสนำเอาความรู้เรื่อง กรีนรีด(Green read) มาฝากทุกท่านด้วยครับ
________________________________________
กระดาษถนอมสายตา เป็นกระดาษชนิดไม่เคลือบผิว สีของกระดาษจะออกสีตุ่นๆ ไม่ขาวจั๊วะเหมือนกระดาษขาวทั่วไป จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับ กระดาษปอนด์ขาว, กระดาษถ่ายเอกสาร, กระดาษคอมพิวเตอร์, กระดาษแอร์เมล์ เป็นต้น แต่แตกต่างตรงกรรมวิธีการผลิต
ซึ่งเริ่มตั้งแต่ การคัดเลือกเยื่อกระดาษ การเตรียมเยื่อ แล้วผ่านกระบวนการผลิตที่ควบคุมค่าพิเศษ รวมทั้งการควบคุมสีที่ต่างจากกระดาษขาวทั่วไป ...ส่งผลให้กระดาษถนอมสายตา มีคุณสมบัติพิเศษที่อ่านสบายตาถนอมสายตา พื้นผิวของกระดาษไม่เนียนละเอียด มีTexture, มีความทึบแสง, มีความฟู (Bulk) แต่มีน้ำหนักเบา และสามารถเก็บรักษากระดาษได้นาน โดยสภาพกระดาษและสีดูไม่เก่า จึงเหมาะกับการนำไปพิมพ์เป็นหนังสือ เป็นชีท เช่น แบบเรียนทั่วไป นวนิยาย หนังสือวิชาการ หรือเอกสารวิชาการ
สำหรับการพิมพ์พ๊อกเก็ตบุ๊ค เนื่องจากกระดาษถนอมสายตามีความฟูและทึบแสงมากกว่ากระดาษปอนด์แกรมเดียวกัน ดังนั้นเมื่อสำนักพิมพ์ เลือกใช้กระดาษถนอมสายตาขนาด 65 แกรม แทนกระดาษปอนด์ 80 แกรม เพื่อพิมพ์เป็นพ๊อกเก็ตบุ๊ค จะทำให้ได้หนังสือที่มีรูปเล่มที่ฟูหนาเท่ากับพ๊อกเก็ตบุ๊คกระดาษปอนด์ 80 แกรม แต่จะมีน้ำหนักเบากว่า อันจะส่งผลดีต่อรูปเล่มที่ฟูหนาสวยงาม และมีน้ำหนักเบาสะดวกต่อการพกพาของผู้อ่าน
ขนาดของกระดาษถนอมสายตาเมื่อตอนผลิตออกมา จะมีขนาดม้วนเหมือนกับกระดาษทั่วไป หากจะตัดขนาด ก็มีขนาดใหญ่ A0 เช่นเดียวกัน ...และที่มีขายเป็นขนาดกระดาษ A4 (1 รีม 500 แผ่น)ก็มี ...ส่วนหนังสือพ๊อกเก็ตบุ๊ค คือกระดาษ A0 ที่ถูกตัดขนาดให้เหลือขนาดเท่ากับA5
ข้อดีของกระดาษถนอมสายตา
• เป็นกระดาษสีเหลืองอ่อน นวลตา ผิวของกระดาษที่ไม่เรียบ, ความสว่างของสีมีปริมาณน้อย, ดูดกลืนแสงในช่วงแสงสีน้ำเงินได้ดี, ทำให้ลดการสะท้อนแสงเข้าตาประมาณ15 % ซึ่งช่วยทำให้ถนอมสายตา อ่านหนังสือได้นาน ..และยิ่งความหนาแน่นเสมือน ของกระดาษที่ต่ำ ก็ยิ่งทำให้แสงถูกดูดกลืนได้มากขึ้นด้วย ...ตำราเรียนของต่างประเทศส่วนใหญ่จะเป็นกระดาษถนอมสายตา เช่น ประเทศสิงคโปร์, ญี่ปุ่น
• สีของกระดาษจะคงทน ไม่คล้ำ หรือไม่เปลี่ยนสี ทำให้หนังสือที่พิมพ์ด้วยกระดาษชนิดนี้ ไม่ดูเก่าลง
• มีน้ำหนักเบาแต่ฟูกว่ากระดาษปอนด์ขาวทั่วไป ทำให้เมื่อพิมพ์ออกมาเป็นรูปเล่ม จะดูหนากว่า น่าจับต้องกว่า แต่มีน้ำหนักเบากว่า พกพาสะดวกกว่า....หากเทียบกับกระดาษปอนด์ขาว ที่จำนวนแกรมเท่ากัน กระดาษถนอมสายตาจะมีน้ำหนักเบากว่า 30%
เป็นความรู้ใหม่ของผม และอาจเป็นความรู้ใหม่ของหลายท่าน เป็นทางเลือกของการนำเสนองานเอกสารที่มีคุณภาพ และเป็นมิตรแก่ผู้อ่านครับ
หน้าที่เข้าชม | 270,023 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 166,911 ครั้ง |
เปิดร้าน | 13 ก.ค. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 29 ส.ค. 2568 |
Google Banner
Google Tag Manager